รพ.เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลตาม พรบ.ผู้ประสบภัยแทนผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายจะขอค่ารักษาตาม พรบ.ประกันสังคมได้อีกหรือไม่?

โจทก์เป็นผู้ประกันตน
และเป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนจากกองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม
พ.ศ. 2533 ฟ้องสำนักงานประกันสังคมเป็นจำเลย สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2548 โจทก์ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ขับชนกับรถจักรยานยนต์ที่นายทุเรียน
ขับขี่ โจทก์เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิที่จะได้รับการบริการทางการแพทย์ตั้งแต่วันเกิดเหตุและไปรักษาต่อเนื่องในวันที่
25 กุมภาพันธ์ 2548 ต่อมาในวันที่ 1
มีนาคม 2548 โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดขอรับประโยชน์ทดแทน แต่จำเลยมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนสำหรับค่าบริการทางการแพทย์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาคณะกรรมการอุทธรณ์วินิจฉัยว่า
การที่โจทก์ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนดังกล่าว
โจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
จึงไม่มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาล
โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ เนื่องจากโรงพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันภัยผู้ประสบภัยจำกัด
เป็นการชำระค่าสินไหมทดแทนจากนายทุเรียนให้แก่โจทก์ไปแล้วก็ตาม
แต่โรงพยาบาลไม่ได้เรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนประกันสังคมอีก
ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์และให้โจทก์มีสิทธิได้รบประโยชน์ทอดแทนสำหรับค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน
11,190 บาท
ศาลแรงงานภาค พิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัยและให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามฟ้องโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุจากรถซึ่งไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายหรือได้รับชดใช้ค่าเสียหายไม่คุ้มกับความเสียหายที่ได้รับจริงที่หากเรียกร้องโดยใช้สิทธิทางแพ่งจะต้องใช้เวลาดำเนินคดียาวนานให้รับการชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นที่แน่อนและทันท่วงที ซึ่งแตกต่างจากวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ที่ต้องการสร้างหลักประกันให้แก่ลูกจ้างและผู้สมัครเข้าประกันตน ตามมาตรา 39 ให้ได้รับการสงเคราะห์เมื่อลูกจ้างและผู้สมัครเข้าประกันตนต้องประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน
สิทธิของผู้ประสบภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
พ.ศ.2535
และสิทธิของผู้ประกันตนพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 จึงเป็นสิทธิตามกฎหมายแต่ละฉบับ
มีวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนที่แตกต่างกัน ทั้งตามกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าว ก็ไม่ได้มีบทบัญญัติตัดสิทธิมิให้ผู้ที่ได้รับเงินตามกฎหมายอื่นแล้วจะมาขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นหรือประโยชน์ทดแทนอีก ที่โรงพยาบาลเรียกเก็บเงินค่าเสียหายเท่าที่จ่ายจริงแทนโจทก์ในฐานะผู้ประสบภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัย
พ.ศ.2535
นั้นเป็นค่าเสียหายเบื้องต้น มาตรา 4
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากผู้ก่อความเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แม้โจทก์จะเข้ารับการรักษาพยาบาลซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่จำเลยกำหนดให้โจทก์รับบริการทางการแพทย์แต่จำเลยมิได้ให้ประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเป็นค่าบริการทางการแพทย์จากกองทุนประกันสังคม
จึงจะถือว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533
ตามมาตรา 58, มาตรา 59 มิได้เมื่อจำเลยยังมิได้จ่ายค่าบริการทางการแพทย์จำนวน 11,190 บาท จึงต้องจ่ายให้แก่โจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาพิพากษายืน
อ้างอิงคำพิพากษา
เลขที่ 2562/2552
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น