โจทก์เป็นผู้ประกันตนโดยเป็นลูกจ้างของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2549 โจทก์ได้ลาออกจากการเป็นลูกจ้าง และวันที่ 24 เมษายน 2550 โจทก์ได้ไปขึ้นทะเบียนว่างงานที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1 แต่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 1 ของจำเลยไม่ยอมจ่ายเงินกรณีว่างงานเนื่องจากโจทก์มาขึ้นทะเบียนเกินกำหนดระยะเวลา 90 วันตามประกาศของจำเลยฉบับลงวันที่ 30 มิถุนายน 2547 โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ แต่คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ยืนคำสั่งไม่จ่ายประโยชน์ทดแทนให้แก่โจทก์ โจทก์จึงได้ยื่นฟ้องสำนักงานประกันสังคมเป็นจำเลยขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมวินิจฉัยอุทธรณ์และคำสั่งของสำนักงานประกันสังคมเขตพืั้นที่ 1 ที่ไม่ยอมจ่ายเงินประโยชน์ โดยขอให้จำเลยจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากโจทก์ลาออกเป็นเงิน
10,000 บาทแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์และคำสั่งของสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 1 และให้จำเลยจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานให้โจทก์
จำเลยอุทรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. 2547 กำหนดให้สำนักงานประกันสังคมงดการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานแก่ผู้ขอรับประโยชน์ไว้เพียง
3 กรณี ตามข้อ 3 (1) ถึง (3) ซึ่งไม่มีกรณีประกาศของสำนักงานประกันสังคม
เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ฉบับลงวันที่ 30 มิถุนายน
2547 ข้อ 3.2 (2) ประกาศของจำเลยข้อนี้ขัดกับกฎกระทรวงดังกล่าว จึงใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งของสำนักงานประกันสังคมและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ในทางตัดสิทธิประโยชน์ของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้น การพิจารณาว่าโจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างานหรือไม่ จึงต้องพิจารณาไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 78 และมาตรา 79 และกฎกระทรวงที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นสำคัญ เมื่อกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. 2547 ข้อ 2. ได้กำหนดหลักเกณฑ์การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน กรณีลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ที่สำนักจัดหางานของรัฐภายใน 30 วันนับแต่วันว่างงานไว้ว่า ให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานนับตั้งแต่วันที่ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนผู้นั้นได้ขึ้นทะเบียนไว้ที่สำนักจัดหางานของรัฐ ทั้งการไปขึ้นทะเบียนหางานเกินระยะเวลาที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนก็ไม่เป็นเหตุตัดสิทธิหรืองดจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามที่บัญญัติไว้ในกฎกระทรวงดังกล่าว
การที่สำนักงานประกันสังคมออกประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2547 ในข้อ 3.2 (2) กำหนดให้ผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนหางานหลัง 90 วัน หรือ 180 วัน นับแต่วันที่ 8 ของการว่างงานในกรณีลาออกหรือถูกเลิกจ้างแล้วแต่กรณีไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน อันเป็นการตัดสิทธิประโยชน์ของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกันตนเกินไปกว่าที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ.2547 ประกาศดังกล่าวจึงไม่อาจนำมาใช้บังคับเพื่อตัดสิทธิโจทก์ได้
ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น