ผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิดในการก่อความเสียหายจะเรียกค่าเสียหายเบื้องต้นจากใครได้บ้าง


 พร้อมดอกเบี้ย โจทก์ทั้งสอง  เป็นบิดามารดาของ ว. ผู้ตาย  ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1  ซึ่งเป็นผู้ขับรถโดยสารประจำทางและเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3  ซึ่งเป็นเจ้าของรถโดยสารประจำทางและเป็นรถร่วมบริการกับจำเลยที่ 4 ซึ่งประกอบกิจการเดินรถโดยสารและเป็นเจ้าของสัมปทานเดินรถโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน   จำเลยที่ 2  เป็นผู้ขับรถยนต์ส่วนบุคคล    ขอบังคับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจากการที่รถเฉี่ยวชนกับรถจักรยายนต์ที่ นาย ว.ขับจนเป็นเหตุให้นาย ว.บุตรโจทก์ทั้งสองถึงแก่ความตายเป็นจำนวนเงิน 886,000 บาท

ระหว่างพิจารณาผู้รับประกันภัยรถโดยสารประจำทางของจำเลยที่ 3 ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมที่ 1  และจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องให้เรียกผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 ขับเข้ามาเป็นจำเลยร่วมที่ 2  โดยจำเลยร่วมทั้งสองรับประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถดังกล่าวด้วย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมที่ 1  และจำเลยร่วมที่ 2  ชำระเงินคนละ 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทั้งสอง  และยกฟ้องโจทก์ทั้งสองในส่วนจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4

จำเลยร่วมทั้งสองอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า  ให้จำเลยร่วมทั้งสองชำระเงินคนละ 17,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทั้งสอง  

โจทก์ทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยร่วมทั้งสองต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้แก่โจทก์ทั้งสองด้วย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า  ขณะเกิดเหตุนาย ว.ขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียวแทรกระหว่างรถยนต์โดยสารที่จำเลยที่ 1 ขับและรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับแล้วเกิดเฉี่ยวชนกับรถทั้งสองเป็นเหตุให้ นาย ว. ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา  ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535  มาตรา 24 วรรคหนึ่ง  บัญญัติว่า“ ในกรณีที่รถตั้งแต่สองคันขึ้นไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในรถคัน ให้บริษัทที่รับประกันภัยรถยนต์แต่ละคันจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในรถคันที่เอาประกันภัยไว้กับบริษัท เห็นได้ว่า  เมื่อนาย ว. เป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถทั้งสองคันเป็นเหตุให้ตนเองถึงแก่ความตาย   ผู้มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นก็คือบริษัทรับประกันภัยรถจักรยานยนต์คันที่ นาย ว.ขับ หรือหากรถจักรยานยนต์คันที่ขับไม่ได้จัดให้มีการประกันภัยความเสียหายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535  และเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่นาย ว.ขับไม่จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันภัยหรือจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นไม่ครบจำนวน  กฎหมายกำหนดให้สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประกันภัยเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันภัย  ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23 (1) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว


จำเลยร่วมที่ 1 และจำเลยที่ 2  มิได้เป็นผู้รับประกันภัยตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถคันที่นาย ว.ขับจึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่โจทก์ทั้งสอง  ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น  ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย  ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน   แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา  ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยว่า   นาย ว. เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียว   จำเลยที่ 1 และที่ 2  มิได้ประมาทเลินเล่อด้วย   จำเลยร่วมที่  1 และจำเลยร่วมที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิด   ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น  

พิพากษาแก้เป็นว่า  ให้ยกฟ้องจำเลยร่วมที่ 1 และจำเลยที่ 2

อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8446/2559

 

ความคิดเห็น