ภริยาฟ้องหย่าสามี จะฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงบุตรย้อนหลังได้กี่ปี่?

 

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2558 ภริยาเป็นโจทก์ฟ้องหย่าสามีเป็นจำเลยที่ 1 และขอค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตั้งแต่ปี 2548ถึง ปี 2558 เป็นเงิน 540,000  บาท และชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร 2  คน  คือ ของนาย พ.ตั้งแต่ปี 2548  ถึงปี 2552 เป็นเงิน 288,000 บาท และนางสาว ก. ตั้งแต่ปี 2548  ถึงปี 2558  เป็นเงิน 648,000 บาท  และฟ้องหญิงอื่นที่อยู่กินกับสามีเป็นจำเลยที่ 2  โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน  500,000  บาท   สืบเนื่องมาจาก   โจทก์กับจำเลยที่ 1  อยู่กินฉันสามีภริยากันเมื่อปี 2525  แต่จดทะเบียนสมรสกันภายหลังเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2535  มีบุตรด้วยกัน  3  คน  คือ  นางสาว ธ.  นาย พ. และนางสาว ก.    ประมาณปี 2548  จำเลยที่ 1  จงใจทิ้งร้างโจทก์โดยย้ายออกจากบ้านที่เคยอยู่อาศัยด้วยกัน    ต่อมาจำเลยที่ 1  ไปอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่ 2  มีบุตรด้วยกัน 1  คน  คือ ด.ญ. ณ 

ศาลชั้นต้น  พิพากษาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกัน  และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์  200,000 บาท    ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์  120,0000   บาท  และชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูนางสาว ก. 180,000  บาท    

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7  แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา   ขอให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูในส่วนของนาย พ.

บัตรกดเงินสด ซิตี้ เรดดี้เครดิต

 ศาลฎีกาวินิจฉัย  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา  193/33  บัญญัติว่า    สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความห้าปี.....(4)  เงินค้างจ่าย  คือ  เงินเดือน  เงินปี  เงินบำนาญ  ค่าอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่นๆ  ในลักษณะทำนองเดียวกันที่มีกำหนดจ่ายเป็นระยะ       จากบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า  เงินเดือน  เงินปี  เงินบำนาญ  มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลาไว้แน่นอน  เช่นนี้   ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่จะถือว่าเป็นเงินค้างจ่ายตามบทบัญญัติเช่นว่านั้น   จึงมีความหมายทำนองเดียวกัน  คือ  ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่มีกำหนดจ่ายเป็นระยะ (งวด)   มีจำนวนแน่นอนและมีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนดังที่    ป.พ.พ. มาตรา 1598/40  วรรคหนึ่ง  บัญญัติ   ถ้าไม่มีกำหนดระยะเวลาจ่ายเป็นระยะ (งวด) ที่แน่นอน  และมีกำหนดเวลาที่แน่นอนย่อมไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 193/33 (4) 

คดีนี้แม้จำเลยที่ 1  จะเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมายของนาย พ. ซึ่งจำต้องอุปการะเลี้ยงดูนาย พ.ในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์  ตามมาตรา 1564  วรรคหนึ่ง  แต่ตามบทกฎหมายดังกล่าวก็มิได้กำหนดระยะเวลาการจ่ายไว้ ละไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกำหนดระยะเวลาชำระไว้ตามที่กำหนดในมาตรา 1598/40 วรรคหนึ่ง   

ดังนั้นค่าอุปการะเลี้ยงดูนาย พ. ขณะที่เป็นผู้เยาว์ที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้  โดยอาศัยบทบัญญัติ มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง  จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 193/33 ) อันจะอยู่ในอายุความ 5 ปี

ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า  ค่าอุปการะเลี้ยงดูในส่วนของนาย พ. ขณะเป็นผู้เยาว์ขาดอายุความนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา  ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า  ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูในส่วนของนาย พ. เป็นเงิน 40,000 บาท  นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2562

 

 

ความคิดเห็น