เติมน้ำมันแล้วหลบหนี ผิดอาญาข้อหาใด?

 
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักน้ำมันเบนซินธรรมดาจำนวน 22.8 ลิตรของผู้เสียหายโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาทรัพย์ไป  ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 336 ทวิ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง  ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องพนักงานอัยการ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า   พยานโจทก์ที่รู้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดโดยตลอด คือ นาย ท. คนเติมน้ำมันให้จำเลย     นาย ท. เบิกความว่าจำเลยสั่งให้เติมน้ำมัน 300 บาท แต่เมื่อเติมไปได้เป็นเงิน 256 บาท ปรากฏว่าน้ำมันจะเต็มถัง  นาย ท.จึงชะลอการไหลของน้ำมันลง ขณะนั้นนาย ท.ยังถือหัวเติมน้ำมันอยู่ที่ปากท่อของถังน้ำมัน   จำเลยได้พูดว่าไม่มีเงินเดี๋ยวจะเอามาให้    นาย ท.จึงบอกว่าต้องไปบอกผู้เสียหายก่อน   แต่จำเลยได้ขับรถออกไปทันที  ขณะเติมน้ำมันจำเลยไม่ดับเครื่องยนต์รถและฝาปิดถังน้ำมันไม่มีโดยใช้ผ้าอุดไว้แทน  

เครื่องใช้ไฟฟ้า  ไอที



ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ต่างๆ  เหล่านี้ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้วางแผนการไว้เพื่อจะไม่ชำระเงินค่าน้ำมันเมื่อได้น้ำมันมาแล้วโดยจะรีบหนีไปอันเป็นอุบายอย่างหนึ่งในการที่จะทำให้ลักทรัพย์สำเร็จ

ส่วนที่นาย ท. เบิกความว่า ระหว่างเติมน้ำมันเห็นจำเลยทำท่าค้นหาของในกระเป๋ากางเกงและกระเป๋าเสื้อก็อาจเป็นอุบายประกอบที่จำเลยจะหลอกนาย ท. ว่าหาเงินไม่พบเพื่อจะยังไม่ต้องชำระค่าน้ำมัน  หากจำเลยประสงค์จะเข้าไปซื้อน้ำมันโดยสุจริตใจและทำเงินหายไปจริง  จำเลยก็น่าจะได้พูดจากับผู้เสียหายให้รู้เรื่องเป็นหลักเป็นฐาน  แต่ตรงกันข้ามทั้งที่ๆ  นาย ท.บอกว่าต้องไปบอกผู้เสียหายก่อน  จำเลยกลับขับรถออกไปโดยเร็วจนกระทั่งนาย ท.ตกตะลึง

นาย ส.คนงานของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งกินก๊วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ๆ กันนั้น เบิกความว่า นาย ท.ได้ร้องว่ารถเติมน้ำมันแล้วหนีเช่นนี้มิใช่ลักษณะอาการของผู้ที่สุจริต   เมื่อจำเลยถูกจับแล้ว   ผู้เสียหายไปดูที่รถจำเลยปรากฎว่าฝาปิดถังน้ำมันอยู่ในกระบะรถนั่นเองและจำเลยพูดขอร้องมิให้ผู้เสียหายเอาความผิดจะชดใช้ค่าเสียหายให้   แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้เตรียมการไว้พร้อมแม้กระทั่งเปิดฝาถังน้ำมันไว้เพื่อจะให้หนีไปได้โดยเร็วเมื่อได้น้ำมันแล้วไม่ต้องพะวงเรื่องฝาถังน้ำมัน

สมัครบัตรกดเงินสด   ฟรีกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ(หมดเขต 30 กย.64)

บัตรกดเงินสด ซิตี้ เรดดี้เครดิต

ที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าตนไม่มีเจตนาทุจริตนั้น มีเพียงคำจำเลยเพียงปากเดียวเบิกความลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก

เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นดังวินิจฉัยมาแล้ว  เห็นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่ต้นที่จะลักเอาน้ำมันของผู้เสียหาย  การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง

พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น


อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2530 

ความคิดเห็น